ต้องผอมเท่าไหร่ถึงจะพอ...

คุณเคยรู้สึกเหมือนน้ำหนักมันหายไปประมาณ 2 กิโลกรัมกว่าๆ อย่างงั้นรึป่าวนะ? อ่อใช่... เราเคยลดน้ำหนักได้อยู่นะ และนั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการควบคุมอาหาร มาตลอด 15 ปี ฉันเกือบตายเพราะมัน...

เมื่อฉันยังอายุได้สิบสอง ฉันถูกรังแกหนักมาก และน้องชายเสียชีวิตจากไปอีก และฉันเคยก็ถูกทารุณกรรมทางเพศ มันทำให้ฉันรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองมาก ...กลัวที่จะพูดคุยกับพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ ...กลัวจะทำให้พวกเขาไม่พอใจ สุดท้ายฉันเลือกที่จะใช้ความเงียบกับสิ่งต่างๆ ใช้ความเงียบก็ไม่แย่นะ

ในสภาวะที่เปราะบางนี้ ฉันถามผู้ชายที่ฉันรู้จักว่าหยาบคายหน่อยไหม ถ้าเขาบอกตามตรงว่าฉันจำเป็นต้องลดน้ำหนัก เขาบอกว่า “แค่ไม่กี่ปอนด์ก็ช่วยได้” เขาให้สิ่งจูงใจที่ฉันต้องการ เช้าวันรุ่งขึ้นฉันเริ่มรับประทานอาหาร

ฉันใช้เวลาไม่นานในการลดน้ำหนัก 5 ปอนด์ และทำให้ฉันรู้สึกดีมาก ฉันคิดว่าถ้านั่นสร้างความแตกต่าง อีกห้าปอนด์จะดีกว่านี้ ในขณะที่ฉันลดน้ำหนักต่อไปเรื่อย สุดท้ายฉันได้รับคำชมจากเพื่อนๆและเเฟนตามที่ฉันอยากจะได้ยิน

ในสภาวะที่เปราะบางนี้ ฉันกลับถามผู้ชายที่ฉันรู้จักเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก ฉันเข้าใจเขานะ ถ้าเขาตอบอย่างตรงไปตรงมากับฉันมันคงจะดูเสียมารยาท เขาเเค่พูดว่า "ลดน้ำหนักอีกสักหน่อย น่าจะช่วยได้อยู่นะ" เขาได้ให้สิ่งที่เป็นแรงจูงใจ จากนั้นฉันเริ่ม

ฉันใช้เวลาไม่นานในการลดน้ำหนัก ประมาณ 2.3 กิโลกรัม และทำให้ฉันรู้สึกดีมาก แต่ว่าถ้าฉันลดได้อีกมันน่าจะดีกว่านี้ ฉันก็ยังทำต่อไปเรื่อยๆ เพื่อน แฟน และทุกคนก็ชมที่ฉันลดน้ำหนัก

ฉันเริ่มเทียบความรักกับการผอม

ฉันเอาเเต่ที่จะทำให้ทุกอย่างดูเพอร์เฟค ไม่อยากลดมาตรฐานในสิ่งที่ทำ ฉันน่ะออกกำลังกายทุกวัน บางวันก็วิ่งได้ถึง 16 กิโลเมตร ซิทอัพมากถึง 1,000 ครั้ง และทำแอโรบิกเพื่อกำจัดแคลอรีที่ฉันอาจกินเข้าไปในแต่ละวัน หลังจากหกเดือน ฉันเริ่มมีอาการวิงเวียนศีรษะรุนแรงทำให้ฉันไปพบแพทย์ เมื่อเขาบอกฉันว่าฉันมีอาการเป็นโรคเบื่ออาหาร หรือ อะนอเร็กเซีย แล้วคนที่มีน้ำหนัก 47 กิโลกรัม มันผิดปกติในการกินตรงไหน คนที่รู้เรื่องที่หมอวินิจฉัยอาการของฉันถาม พวกเขาก็ถามเหมือนกัน

บางคนก็บอกว่าฉันไม่มีอาการเบื่ออาหารแบบนั้นสักหน่อย จากฉันยิ่งลดให้หนักขึ้นและแล้วฉันเป็นโรคอะนอเร็กเซียจริงๆ

อีก 15 ปีต่อมา ฉันต้องเจอกับปัญหาตลอด เเละฉันเองก็เกือบตายสองครั้ง ฉันต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์และต้องเข้ารับการบำบัด นั่นกลายเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตของฉันเลยล่ะ

ถึงมันจะเป็นเเบบนั้นแต่ฉันยังพยายามอย่างหนักเพื่อให้ทุกอย่างดูดี

จุดต่ำสุดของฉันคือระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาลครั้งที่สอง คือ อาการใจสั่นและขาดน้ำอย่างรุนแรง ฉันบอกได้เลยว่าฉันอยู่ใกล้ความตาย..ใกล้มาก เพื่อหล่อเลี้ยงร่างกายที่หนัก 36 กิโลกรัมที่มีอยู่ ฉันถูกบังคับให้ป้อน 3,000 แคลอรีต่อวันผ่านทางท่อไปยังท้องของฉัน แต่ฉันอาเจียนออกท่อในถังขยะใต้เตียงของฉันและเมื่อฉันมีโอกาสฉันก็จะออกกำลังกายไปนึกโกรธไป

แต่อยู่มาวันหนึ่ง บางสิ่งก็เปลี่ยนไป เมื่อฉันอยู่คนเดียวคุยกับตัวเอง ฉันเริ่มไตร่ตรองเเละเขียนความคิดและความรู้สึกในใจของฉันจริง ๆ ออกมา จากนั้นฉันเริ่มตาสว่างมากขึ้น ฉันเปิดโอกาสให้ตัวเองเข้ารับการรักษา บำบัด รับคำอธิษฐาน รวมไปถึงความรักของครอบครัว และสามีที่คอบช่วยเหลือฉันทำให้ชีวิตของฉันดีขึ้นหลังจากโรคคลั่งผอมขโมยไปจากชีวิตของฉัน

คุณกำลังต่อสู้กับความผิดปกติของการกินอยู่ไหม? ตอนนี้คุณอาจรู้สึกสิ้นหวังและติดกับดัก แต่คุณไม่ได้อยู่คนเดียว หากคุณใช้แบบฟอร์มด้านล่าง คนในทีมของเราจะติดต่อคุณเพื่อรับฟังเรื่องราวของคุณและช่วยให้คุณมีความหวังใจและกำลังใจ

เครดิตรูปภาพ Olenka Kotyk

คุณไม่ได้เจอเรื่องนี้เพียงลำพัง คุยกับเพื่อนที่ปรึกษาได้ ทุกอย่างที่คุยกับเรานั้นเป็นความลับ

เมื่อพบว่าปัญหานี้เป็นเรื่องยากที่จะจัดการ ถ้าคุณกำลังคิดที่จะทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่น โปรดอ่าน!

กรุณาใส่ข้อมูลในช่องด้านล่างเพื่อเราจะติดต่อคุณได้

ระบุเพศ:
ช่วงอายุ:

การระบุเพศและอายุนั้นช่วยให้ทีมงานจัดหาเพื่อนที่ปรึกษาที่เหมาะสมให้กับคุณได้ ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการ & นโยบายความเป็นส่วนตัว.